1. จะขอเป็นผู้จัดการมรดกเมื่อใด
เมื่อเจ้ามรดกตาย เจ้ามรดกมีทรัพย์มรดก
และมีเหตุขัดข้องที่จะต้องจัดการมรดก
2. ใครเป็นผู้มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก
ผู้มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกได้แก่ ทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกที่มีสิทธิรับมรดก เช่น
บุตร บิดามารดา คู่สมรสของเจ้ามรดกผู้รับพินัยกรรมของเจ้ามรดก
ซึ่งอาจเป็นบุคคลภายนอกก็ได้ ผู้มีส่วนได้เสีย เช่น เจ้าของร่วมในทรัพย์สินของเจ้ามรดก กรณีเช่นนี้ที่มีมากคือ
กรณีที่สามีภริยาไม่จดทะเบียนสมรสและมีทรัพย์สินร่วมกันนั่นเอง สำหรับเจ้าหนี้
ไม่ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย จึงไม่อาจขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกได้
3. ใครเป็นผู้จัดการมรดกได้
ผู้จัดการมรดกไม่จำเป็นต้องเป็นทายาทของเจ้ามรดกจะเป็นใครก็ได้ แต่ผู้มีสิทธิร้องขอต่อศาล
ต้องเป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียดังที่กล่าวแล้ว ทายาทอาจขอให้ศาลตั้งนาย ก. นาย ข. หรือนาย ค. ก็ได้
ประการสำคัญผู้ที่จะเป็นผู้จัดการมรดกต้องบรรลุนิติภาวะแล้ว
ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ
ไม่เป็นบุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนล้มละลาย
คนประเภทนี้เห็นแล้วว่าไม่สามารถรู้ผิดชอบ หย่อนความคิดอ่าน
มีหนี้สินล้นพ้นตัว ขืนไปจัดการทรัพย์สินคนอื่น ก็มีแต่จะเสียหายยิ่งขึ้นไปเท่านั้น
4. การยื่นคำร้องขอยื่นที่ไหน
ยื่นที่ศาล โดยทั่วไปเจ้ามรดกมีภูมิลำเนาที่ไหน
เช่น ที่ขอนแก่น เชียงใหม่ ตรัง ตราด ก็ยื่นศาลที่เป็นภูมิลำเนาของผู้ตายนั่นเอง ถ้ายื่นที่ศาลจังหวัดในกรุงเทพฯ ก็ยื่นที่ศาลแพ่ง แพ่งกรุงเทพใต้ แพ่งธนบุรี หรือศาลจังหวัดมีนบุรี แล้วแต่กรณี
5. คำร้องต้องทำอย่างไร
ดังได้กล่าวมาแล้วว่าการทำคำร้องเป็นเรื่องที่ผู้มีความรู้ในทางกฎหมายและทางปฏิบัติเท่านั้นจะเข้าใจและทำได้ถูกต้อง เราประชาชนหรือมีอาชีพอื่นย่อมไม่เข้าใจ
ก็ต้องปรึกษานักกฎหมายหรือทนายความ สำหรับคำร้องจะมีแบบคำร้องแล้วนำมาบรรยายในคำร้องระบุรายละเอียดต่างๆ
เช่น ชื่อ ตำบล ที่อยู่ผู้ร้อง เป็นทายาทผู้ตายๆ ผู้ตายเมื่อไหร่ มีหลักฐานการตาย ผู้ตายมีทายาทกี่คนใครบ้าง
มีทรัพย์สินอะไรบ้าง มีเหตุขัดข้องอย่างไร
และท้ายสุดก็ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก
6. การยื่นคำร้องและนัดไต่สวนทำอย่างไร
เมื่อยื่นคำร้องแล้วเจ้าหน้าที่จะเสนอศาล
ศาลจะสั่งนัดว่าไต่สวนหรือมีคำสั่งอย่างอื่นต่อไป ทางปฏิบัติก็ขอให้ประกาศหน้าศาลหรือทางหนังสือพิมพ์โดยให้เวลาพอสมควร โดยทั่วไปศาลจะไต่สวนหลังจากรับคำร้องประมาณ 1เดือน
การไต่สวน ผู้ร้องจะต้องมาศาลและนำพยานอื่น เช่น ทายาทคนอื่นๆ มาด้วย
หรือขอให้ตั้งบุคคลอื่นเป็นผู้จัดการมรดกมาด้วย
เพื่อไต่สวนว่าเป็นผู้ยินยอมเป็นผู้จัดการมรดก
การไต่สวนโดยทั่วไปใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ คดีเช่นนี้ศาลมักจะนัดตอนบ่าย
เมื่อไต่สวนเสร็จก็คือการนำพยานแต่ละฝ่ายไปให้การต่อศาลเรียกว่าเบิกความนั่นเอง
เสร็จแล้ว ศาลจะจดรายงานการไต่สวน
หากเป็นเรื่องไม่ซับซ้อนศาลก็นัดฟังคำสั่งวันนั้นเลย คือสั่งให้เป็นหรือไม่เป็นผู้จัดการมรดกนั่นเองแต่หากเป็นเรื่องซับซ้อนมรดกมาก เช่นนี้ศาลอาจนัดฟังคำสั่งวันอื่นก็ได้
เพื่อศาลจะได้ตรวจสำนวนโดยละเอียดต่อไป
ทางปฏิบัติส่วนใหญ่มักไม่มีปัญหาศาลสั่งได้เลย
แต่การจะรับคำสั่งไปก็อาจเป็นวันรุ่งขึ้น เพราะจะต้องพิมพ์ให้เรียบร้อยถูกต้อง
มีคำรับรองว่าเป็นสำคัญคำสั่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าพอศาลสั่งอนุญาตจะรับคำสั่งไปได้เลย
7. การขอรับคำสั่งศาลกรณีศาลสั่งตั้งผู้จัดการมรดกแล้ว
ก็ต้องทำคำร้องขอเข้ามา ศาลจะดำเนินการให้โดยไม่ชักช้า เมื่อได้คำสั่งศาลก็นำไปแสดงต่อธนาคาร หรือเจ้าพนักงานที่ดิน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับมรดกของผู้ตายได้
8. ผู้จัดการมรดกจะถูกถอนจากการเป็นผู้จัดการได้หรือไม่
หากผู้จัดการมรดกปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการจัดการมรดก
หรือจัดการมรดกเสียหาย ประมาทเลินเล่อในการจัดการมรดก หรือทุจริตในการจัดการมรดก เช่น
เบียดบังเอาเป็นของตนเองบ้าง เช่นนี้นอกจากจะผิดฐานยักยอกทางอาญามีโทษถึงจำคุกแล้ว ก็อาจถูกถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้
โดยผู้มีส่วนได้เสียร้องขอให้ศาลสั่งถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้ แต่ก็ต้องขอเสียก่อนการแบ่งปันมรดกเสร็จสิ้นลง
9. คำพิพากษาฎีกาเกี่ยวกับผู้จัดการมรดก
1.คำฎีกาที่ 331/2525 ผู้ตายทำพินัยกรรมไว้ แม้ผู้คัดค้านเป็นบุตรของผู้ตาย แต่ตามพินัยกรรมผู้คัดค้านไม่มีส่วนได้รับทรัพย์สินของผู้ตายเลย จึงไม่สามารถตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมด้วย
ข้อสังเกต ศาลจะพิจารณาตั้งใครเป็นผู้จัดการมรดกต้องคำนึงถึงประโยชน์ของกองมรดกเป็นสำคัญ
2. ฎีกาที่ 1481/2510 ศาลไม่จำต้องตั้งผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมอาจตั้งทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียคนอื่นที่เหมาะสมก็ได้
3. ฎีกาที่ 1491/2523 ทายาทที่จะร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้
หมายถึงทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกเท่านั้น
ข้อสังเกต ผู้ถูกตัดมิให้รับมรดก
ผู้ถูกกำจัดมิให้รับมรดก ไม่มีสิทธิร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก
4.ฎีกาที่ 2095/2523 ภริยาไม่จดทะเบียนสมรสและไม่มีทรัพย์ร่วมกันไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินมรดกของสามี ไม่มีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก
5. ฎีกาที่ 2021/2524 ศาลจะตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดกต้องคำนึงถึงความสมควรเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกตามพฤติการณ์ ไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากทายาททุกคน
6. ฎีกาที่ 1695/2531 (ประชุมใหญ่) กองมรดกที่ไม่มีทายาทนั้น แม้มรดกจะตกทอดแก่แผ่นดิน แผ่นดินก็มิใช่ทายาท เจ้าหนี้ไม่อาจบังคับชำระหนี้ได้จนกว่าจะได้ตั้งผู้จัดการมรดกขึ้น และหากไม่มีผู้จัดการมรดกอยู่ตราบใดเจ้าหนี้ก็ไม่มีทางได้รับชำระหนี้ได้เลย การที่เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้จากกองมรดกขึ้นอยู่กับการที่กองมรดกมีผู้จัดการมรดก ในกรณีเช่นนี้จึงต้องถือว่าเจ้าหนี้เป็นผู้มีส่วนได้เสียและมีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้ ส่วนปัญหาที่ว่าสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่นั้น แม้ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้กองมรดกซึ่งตามปกติย่อมมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก แต่เมื่อไม่ปรากฏว่ามีผู้มีส่วนได้เสียอื่นอีก และพนักงานอัยการมิได้คัดค้าน จึงสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้
ข้อสังเกต ศาลฎีกาได้ให้เหตุผลไว้แล้วว่า ทำไมเจ้าหนี้กองมรดกคดีนี้จึงร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกได้ และเป็นผู้จัดการมรดกได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น